Medxcheck

วัคซีนไข้หวัดใหญ่คืออะไร ทำไมต้องฉีดเป็นประจำทุกปี

นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่หลายคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันไปแล้ว อีกวัคซีนหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุขและแพทย์ได้แนะนำให้ฉีดควบคู่กันไปด้วยก็คือ "วัคซีนไข้หวัดใหญ่"
วัคซีนไข้หวัดใหญ่

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Table of Contents

วัคซีนไข้หวัดใหญ่คืออะไร ทำไมต้องฉีดเป็นประจำทุกปี

วัคซีนไข้หวัดใหญ่คืออะไร คุณจำเป็นต้องฉีดหรือไม่ ฉีดแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ดูได้ที่นี่

นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่หลายคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันไปแล้ว อีกวัคซีนหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุขและแพทย์ได้แนะนำให้ฉีดควบคู่กันไปด้วยก็คือ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ซึ่งหลายๆ คนไม่เคยฉีดมาก่อน และไม่เคยรู้ด้วยว่าต้องฉีดเป็นประจำทุกปี มาทำความรู้จักวัคซีนชนิดนี้ให้มากขึ้นว่ามันช่วยป้องกันได้จริงหรือไม่ แล้วทำไมต้องฉีดทุกปีได้ที่นี่เลย

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ คืออะไร?

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการนำเชื้อไวรัสที่ตายแล้วมาฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อของเรา เพื่อให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้ขึ้นมา ตามปกติแล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส 3-4 สายพันธุ์ ซึ่งจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้แนะนำและคาดคะเนว่าในช่วงนั้นๆ จะมีการระบาดของสายพันธุ์ใดบ้าง แน่นอนว่าสายพันธุ์ที่ระบาดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกปี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องฉีดวัคซีนป้องกันทุกปีไปด้วย

จากสถิติเกี่ยวกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วโลกของเรามีผู้ที่เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้มากถึงปีละ 300,000 – 500,000 คน และในไทยเองก็มีผู้ติดเชื้อไม่น้อยกว่าปีละ 200,000 ราย บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้การันตีว่าคุณจะไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในปีนั้นๆ แต่จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และช่วยลดอาการจากการติดเชื้อบางอย่าง ไม่ให้รุนแรงเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่อะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แบ่งเชื้อไข้หวัดใหญ่ออกเป็น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธฺุ์ A, B และ C แต่ส่วนใหญ่แล้วที่ระบาดมากที่สุด มักจะเป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B

สำหรับสายพันธุ์ A ที่ระบาดบ่อยๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ A/H1N1 และ A/H3N2 แต่ในระยะหลังนี้จะเริ่มพบว่าสายพันธุ์ B ที่แบ่งออกเป็น 2 ชนิดเช่นกัน คือ Victoria และ Yamagata ก็เริ่มระบาดอย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะติดเชื้อสายพันธุ์ไหน ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ทั้งนั้น หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน

เพราะฉะนั้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ส่วนมาก จะเน้นฉีดเพื่อป้องกันไวรัสทั้ง 4 สายพันธุ์นี้ แต่ถ้าหากคุณจำเป็นต้องเดินทางไปยังต่างประเทศ เช่น โซนยุโรป หรือโซนอเมริกา ก็อาจจะได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดสายพันธุ์ที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับการระบาดในภูมิภาคนั้นๆ

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่?

ส่วนใหญ่แล้ว ผลข้างเคียงที่พบมากที่สุดสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คืออาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด 1-2 วัน บางรายอาจมีไข้ต่ำๆ ที่แค่กินยาแก้ปวดลดไข้ก็หาย และบางคนอาจพบอาการปวดเมื่อยตามตัวได้บ้าง

แต่สำหรับบางรายอาจพบอาการแพ้วัคซีน เช่น หายใจไม่สะดวก มีลมพิษขึ้น รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หากพบอาการเหล่านี้แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?

อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกันไว้ก่อนทั้งนั้น เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะได้รับเชื้อนี้ขึ้นมาเมื่อไร และจะเกิดอาการใดๆ ขึ้นบ้างหลังได้รับเชื้อ เพราะคนที่มีอาการแทรกซ้อนหนักมาก อาจถึงขั้นต้องไปนอนที่โรงพยาบาลเป็นสัปดาห์ เสียทั้งเวลาและเสียค่ารักษาจำนวนมาก

แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ “จำเป็นต้องฉีด” เพราะหากได้รับเชื้ออาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต ได้แก่

  • เด็กเล็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้หญิงที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับคีโม และผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม
  • ผู้พิการทางสมองที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้